แนวทางการประเมินราคาโรงงานน้ำดื่มที่เสนอขาย

การประเมินราคาแบ่งเป็นหัวข้อหลักดังนี้:

1. การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
– ที่ดิน 4 ไร่: ประเมินจากราคาประเมินที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียง หรือ ราคาตลาดในเขตนั้น
– สิ่งปลูกสร้าง:
– อาคารโรงงาน
– อาคารออฟฟิศ 2 ชั้น
– บ้านพักพนักงาน (4 ห้อง) พร้อมห้องอาหาร
– ห้องกรองน้ำและสายการผลิต

1.2. เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต ประเมินตามราคาประเมิน และ ราคาปัจจุบัน​ โดยพิจารณาอายุการใช้งาน ความพร้อมใช้งาน
รายการเครื่องจักรสำคัญ
– เครื่องเป่าขวด
– เครื่องยิงวันที่​
-​ เครื่องหดฟิล์ม
– ​เครื่องสวมฉลาก
– ระบบกรองน้ำ
– เครื่องบรรจุน้ำ 2 ไลน์

1.3. บ่อน้ำดิบ 2 บ่อใหญ่
– ประเมินจากความจุของบ่อ และความสามารถในการใช้งานสำหรับผลิตน้ำในระยะยาว

2. การประเมินศักยภาพการดำเนินธุรกิจ

– มีฐานลูกค้าพร้อมออเดอร์​ จัดจำหน่ายวันละเท่าไร
– พิจารณาความมั่นคงของออเดอร์ในระยะยาวและความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

2.2. ตำแหน่งที่ตั้ง
– โรงงานตั้งอยู่ ติดถนนบายพาสใหม่​ ซึ่งสะดวกต่อการขนส่ง
– ใกล้พื้นที่เขตติดต่อหลายอำเภอและจังหวัด ทำให้สามารถขยายตลาดได้ง่าย

2.3. โครงสร้างการดำเนินงาน
– โรงงานมีระบบที่ครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการกรองน้ำ ผลิต ขนส่ง และสนับสนุนบุคลากร

3. การเปรียบเทียบกับราคาตลาด
3.1. ราคาที่เสนอขาย:
– ราคาเสนอขายทั้งหมดอยู่ที่…… ล้านบาท (รวมที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร และลูกค้าในมือ)

3.2. การเปรียบเทียบราคาทรัพย์สิน
– จากการประเมินเครื่องจักรแยก

4. แนวทางสำหรับผู้ซื้อ ตรวจสอบและเจรจา
– ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องจักร และอายุการใช้งาน
– ประเมินความเหมาะสมของราคาจากโครงสร้างที่ดิน เครื่องจักร และศักยภาพการผลิต

4.2. การพัฒนาเพิ่มเติม
– ขยายฐานลูกค้าในเขตใกล้เคียงหรือเพิ่มกำลังผลิต
– ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อพัฒนาการกระจายสินค้า

4.3. วิเคราะห์ความคุ้มทุน
– คำนวณจุดคุ้มทุน โดยพิจารณาต้นทุนต่อหน่วยและกำไรจากการขายน้ำ 6,000-7,000 แพคต่อวัน

ข้อเสนอขาย

  • ราคาที่ตั้งไว้ 25 ล้านบาท ดูเหมาะสมหากโรงงานมีความพร้อมในการผลิตและการส่งมอบลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
  • สิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนซื้อ:
    1. สภาพของเครื่องจักรและการบำรุงรักษา
    2. สัญญาซื้อขายลูกค้าในปัจจุบัน
    3. เอกสารสิทธิ์ในที่ดินและการจดทะเบียนโรงงาน
    4. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุง

ตารางที่ 2: รายละเอียดเครื่องจักร

ประเภทเครื่องจักรความสามารถ/รายละเอียดเพิ่มเติมจำนวนราคาที่เสนอขาย (ล้านบาท)ราคาประเมิน (ล้านบาท)ราคาตลาด
หมายเหตุ
เครื่องเป่าขวด (4 cavity)4,500 – 5,000 ขวด/ชั่วโมง (ขนาด 600 มล.) พร้อมชุดปั๊มลม 1 เครื่อง 2.0
เครื่องเป่าขวด (3 cavity)2,000 – 2,500 ขวด/ชั่วโมง (ขนาด 600 มล.) พร้อมชุดปั๊มลม1 เครื่อง 1.0
เครื่องยิงวันที่ สำหรับพิมพ์วันที่ผลิต/หมดอายุ2 เครื่อง 0.2
เครื่องหดฟิล์มแพคโหลอัตโนมัติสำหรับบรรจุขวดน้ำเป็นแพคโหล2 เครื่อง 0.3
เครื่องสวมฉลากอัตโนมัติฉลากแบบม้วน1 เครื่อง 0.3
เครื่องสวมฉลากแบบ manualฉลากแบบตัดชิ้น3 เครื่อง 0.03
สายพานไลน์ผลิตใช้สำหรับการลำเลียงขวดในกระบวนการผลิต2 ไลน์ 0.2
ระบบกรองน้ำ (72 คิว)RO + UV + Ozone1 ชุด 0.3
ระบบกรองน้ำ (48 คิว)RO + UV + Ozone พร้อมห้องกรองแยก1 ชุด 0.2
ถังเก็บน้ำดิบ (3,000 ลิตร)ใช้สำหรับเก็บน้ำดิบ24 ถัง 0.28
ถังเก็บน้ำซอร์ฟ (3,000 ลิตร)ใช้สำหรับเก็บน้ำซอร์ฟ14 ถัง 0.1
ถังเก็บน้ำ RO (3,000 ลิตร)ใช้สำหรับเก็บน้ำที่ผ่านระบบ RO12 ถัง 0.1
เครื่องบรรจุน้ำ (14-12-4)สำหรับบรรจุน้ำดื่มในขวด1 เครื่อง 0.6
เครื่องบรรจุน้ำ (18-18-6)สำหรับบรรจุน้ำดื่มในขวด1 เครื่อง 0.7
รวมทั้งหมด 6.3

ตารางประเมินราคาเครื่องจักร

หมายเหตุ:

  • ตัวเลขรวมทั้งหมดคือการคำนวณผลรวมของแต่ละคอลัมน์ รวมราคาประเมิน และ รวมราคาปัจจุบัน

การประเมินราคากิจการโรงงานน้ำดื่มที่เหมาะสม ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญหลายด้านเพื่อให้ได้ราคาที่สมเหตุสมผลและน่าสนใจสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนี้:


การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน (Asset-Based Valuation)

วิธีนี้เน้นการประเมินมูลค่าของทรัพย์สินที่จับต้องได้และใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เช่น

  • ที่ดินและอาคาร: ราคาประเมินของที่ดินจากหน่วยงานราชการหรือราคาตลาดในพื้นที่
  • เครื่องจักรและอุปกรณ์: มูลค่าปัจจุบันของเครื่องจักร (หักค่าเสื่อมราคา)
  • ระบบสาธารณูปโภค: เช่น ระบบกรองน้ำและถังเก็บน้ำที่ติดตั้ง

ข้อควรรู้:

  • ตรวจสอบอายุการใช้งานของเครื่องจักรและประสิทธิภาพการทำงาน
  • ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่สามารถขายแยกได้ในกรณีเลิกกิจการ

2. การประเมินจากรายได้ (Income-Based Valuation)

เน้นการคำนวณจากรายได้และกำไรที่กิจการสามารถสร้างได้ในอนาคต เช่น:

  • รายได้ต่อวัน: 6,000-7,000 แพค/วัน
  • กำไรต่อแพค: ประมาณ 2 บาท/แพค
  • กำไรสุทธิต่อเดือน: 260,000 บาท

ข้อควรรู้:

  • ใช้อัตราการเติบโตของตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยเพื่อคาดการณ์รายได้ในอนาคต
  • ประเมินความเสี่ยง เช่น การแข่งขันในตลาดและต้นทุนวัตถุดิบ

3. การประเมินจากตลาด (Market-Based Valuation)

เปรียบเทียบราคาขายกิจการที่คล้ายกันในพื้นที่หรือธุรกิจประเภทเดียวกัน เช่น:

  • โรงงานน้ำดื่มขนาดใกล้เคียง: ราคาขายมักอยู่ในช่วง 20-50 ล้านบาท
  • อัตราการลงทุนเบื้องต้น: ประเมินจากต้นทุนการก่อสร้างโรงงานใหม่และระยะเวลาคืนทุน

ข้อควรรู้:

  • เปรียบเทียบกับโรงงานที่มีความพร้อมในการดำเนินงานและมีลูกค้าในมือเช่นเดียวกัน

4. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)

พิจารณาความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อมูลค่ากิจการ เช่น:

  • สภาพเครื่องจักร: ค่าเสื่อมราคาหรือการซ่อมบำรุง
  • กฎหมายและใบอนุญาต: ตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร เช่น ใบอนุญาตโรงงาน, สัญญาลูกค้า
  • การเปลี่ยนแปลงตลาด: ความนิยมของผลิตภัณฑ์น้ำดื่มในอนาคต

5. การประเมินราคาตามระยะเวลาคืนทุน (Payback Period)

คำนวณระยะเวลาที่ผู้ซื้อจะคืนทุนจากการลงทุน เช่น: ยกตัวอย่าง กำไรต่อปี 5 ล้านบาท

ระยะเวลาคืนทุน = 25 ล้านบาท ÷ 3.12 ล้านบาท = 8 ปี

ข้อควรรู้:

  • ระยะเวลาคืนทุนที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจนี้มักอยู่ในช่วง 3 – 5 ปี

คำแนะนำเพิ่มเติม

  1. จ้างผู้ประเมินอิสระ: เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
  2. จัดเตรียมเอกสาร: เช่น รายละเอียดต้นทุน, กำไร, สัญญาลูกค้า และข้อมูลเครื่องจักร
  3. เน้นความโปร่งใส: ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือ คำแนะนำเชิงลึก สามารถสอบถามได้ที่ 093-4789169

ขอบคุณที่แบ่งปัน แชร์