การเป็นวิศวกรระบบเริ่มต้นด้วยการพัฒนาความเข้าใจและการเรียนรู้ในพื้นที่ที่หลากหลายทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ คือ พื้นฐานที่สำคัญที่วิศวกรจะต้องเรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจหลักการทำงานและเป็นประสบการณ์ที่ดีต่อไป

1. ระบบและทฤษฎีวิศวกรรม

  • เข้าใจหลักการของระบบทั้งในรูปแบบทฤษฎีและปฏิบัติ
  • ทราบถึงหลักการทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการปรับปรุงระบบ

2. การโปรแกรม

  • ศึกษาการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น, เช่น PLC , SCADA ,Python, Java, หรือ C++
  • เรียนรู้การใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการปรับแต่งระบบ, เช่น MATLAB, Simulink

3. เครื่องมือและอุปกรณ์

  • ทราบถึงการใช้เครื่องมือทางวิศวกรรม เช่น oscilloscopes, multimeters, logic analyzers
  • มีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่ใช้ในแวดวงวิศวกรรม

4. ความเข้าใจในระบบแบบอิเล็กทรอนิกส์

  • เข้าใจหลักการและพื้นฐานของวงจรไฟฟ้า
  • มีความเข้าใจเรื่องการออกแบบและการปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์

5. การทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม

  • ทราบถึงความต้องการของธุรกิจและวิศวกรรมในสถานีงาน
  • มีความเข้าใจในกระบวนการผลิตและการบำรุงรักษา

6. การทดลองและการประเมิน

  • มีประสบการณ์ในการทดลอง, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการประเมินผล
  • ศึกษาการใช้เครื่องมือทำวิทยาศาสตร์ในทำนายและทดสอบ

7. การแก้ปัญหา

  • มีทักษะในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา
  • สามารถใช้กระบวนการคิดเชิงวิศวกรรมในการตีความปัญหา

8. การเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง:

  • ตระหนักรู้ถึงการพัฒนาทักษะใหม่ทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ
  • เข้าร่วมการอบรม, สัมมนา, หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

9. การสื่อสาร

  • มีทักษะในการสื่อสารทั้งในรูปแบบเขียนและพูด
  • สามารถอธิบายและแบ่งปันความคิดเห็นทางวิศวกรรมได้อย่างชัดเจน

10. การทำงานร่วมกับทีม

  • มีทักษะในการทำงานร่วมกับทีมและสามารถสื่อสารและปรับตัวได้กับคนในทีม
  • มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

การออกแบบโรงงานน้ำดื่มที่ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งทำให้มีการรวมเซ็นเซอร์ อุปกรณ์สื่อสาร เพื่อตรวจสอบและควบคุมด้านต่าง ๆ ของกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำและกระบวนการผลิตน้ำดื่ม ให้ได้ตามคุณภาพสูงสุดด้วยเทคโนโลยี IOT

1. การตรวจสอบคุณภาพน้ำ:

เพื่อตรวจสอบค่าพารามิเตอร์คุณภาพน้ำเช่น pH, ความขุ่น, ออกซิเจนละลาย, จะเชื่อมต่อกับระบบควบคุมที่สามารถประมวลผลข้อมูลในเวลาจริง

2. การตรวจวัดการไหล:

ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการไหลเพื่อตรวจสอบอัตราการไหลของน้ำในกระบวนการผลิตน้ำดื่ม ตรวจสอบกำลังการผลิต ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการบำบัดน้ำและให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด

3. การตรวจวัดระยะไกล:

ใช้เทคโนโลยีการตรวจวัดระยะไกล เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบทั้งหมดภายในโรงงาน

4. การออกแบบระบบอัตโนมัติ

อุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน IoT เพื่ออัตโนมัติกระบวนการการบำบัดน้ำขึ้นอยู่กับข้อมูลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการปรับการให้สารเคมี, เปิดทำการกรอง, และการจัดการกระบวนการฆ่าเชื้อ

5. ประสิทธิภาพทางพลังงาน:

เทคโนโลยีที่จะช่วยการประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตน้ำดื่ม รวมถึงการใช้ IoT เพื่อปรับตั้งตารางการทำงานของเครื่องจักรและอื่น ๆ ที่ใช้พลังงานในแต่ละช่วงเวลา

6. การวิเคราะห์ข้อมูล:

การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่เซ็นเซอร์สร้างขึ้น นี้ช่วยในการระบุแนวโน้ม, การทำนายความต้องการดูแลรักษา, และปรับปรุงประสิทธิภาพระบบโดยรวม

ขอบคุณที่แบ่งปัน แชร์