ROI หรือ Return on Investment เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินผลตอบแทนของการลงทุนได้เข้าใจเรื่องของการลงทุนนั้น สามารถทำกำไรได้มากน้อย อาศัยข้อมูลทางคณิตศาสตร์ กำไรที่คาดคะเนจากการลงทุนและยอดเงินที่จะต้องลงทุนในธุรกิจ โดยใช้หลักของ ROI คำนวณเป็นร้อยละ และผลลัพธ์ ROI เป็น + หมายความว่ามีกำไรจากการลงทุน ส่วนผลลัพธ์ ROI เป็นติด – แสดงถึงสถานะของการลงทุน ไม่สามารถทำกำไรได้
การตัดสินใจในการลงทุน ควรพิจารณาด้านความเสี่ยงและความเข้าใจในธุรกิจให้ระมัดระวัง นอกจากนี้ยังควรเปรียบเทียบ ROI ของธุรกิจที่สนใจเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการลงทุน มีตัวอย่างของการลงทุนมาเปรียบเทียบให้ได้ศึกษากัน
การคำนวณ ROI ร้านสะดวกซื้อที่มีกำไรต่อปี 1,159,560 บาท ลงทุนทั้งหมด 1.5 ล้านบาท คิดที่ระยะเวลา 3 ปี สามารถกำไรนำ ลองนำมาคำนวนตามสูตร:
กำไรสุทธิในระยะเวลา 3 ปี = กำไรต่อปี x จำนวนปี
กำไรสุทธิในระยะเวลา 3 ปี = 1,159,560 บาท x 3 ปี
กำไรสุทธิในระยะเวลา 3 ปี = 3,478,680 บาท
ROI = ((กำไรสุทธิในระยะเวลา 3 ปี – ค่าลงทุน) / ค่าลงทุน) x 100%
ROI = ((3,478,680 บาท – 1,500,000 บาท) / 1,500,000 บาท) x 100%
ROI = (1,978,680 บาท / 1,500,000 บาท) x 100%
ROI ≈ 131.91%
ดังนั้น ค่า ROI ของร้านสะดวกซื้อใหม่ในระยะเวลา 3 ปีคือประมาณ 131.91% ครับ
และตารางแสดงค่า ROI ของธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 3 ธุรกิจ (โรงงานน้ำดื่ม, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านกาแฟ) ดังนี้:
แฟรนไชส์ | การลงทุนทั้งหมด (บาท) | กำไรสุทธิในระยะเวลา 3 ปี (บาท) | ROI (%) |
---|---|---|---|
โรงงานน้ำดื่ม Package Family | 1,400,000 | 3,240,000 | 131.43% |
ร้านสะดวกซื้อ Package 2 | 1,780,000 | 3,478,680 | 131.91% |
ร้านกาแฟ Package (เพิ่มเติม) | 1,500,000 | 4,500,000 | 200.00% |
ตารางเปรียบเทียบ เบื้องต้น
หมายเหตุ: ตารางดังกล่าวคิดคำนวณ โดยสมมติให้รายได้ในแต่ละปีคง ที่ไม่เปลี่ยนแปลงและไม่คำนวณลงทุนก่อสร้างในกรณีของแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ และแฟรนไชส์ร้านกาแฟ โปรดทราบ ว่าเป็นสถานะที่สมมติเท่านั้นและควรพิจารณาตัวแปรอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อกำไรและการลงทุนเพิ่มเติม ในการตัดสินใจในการลงทุน